ลังกาหลวง อลังการ แห่งขุนเขา - ตอนที่ 2 เริ่มต้น วันแรก บ้านแม่ตอนหลวง – ดอยลังกาน้อย

เช้าวันแรกของการเดินทาง หลังจากพักผ่อนที่อุทยานฯ ขุนแจ กันอย่างเต็มที่แล้ว พวกเราก็พร้อมที่จะเดินทางพิชิตยอด “ลังกาหลวง” โดยมีเจ้าหน้าที่อุทยาน มาเป็นมัคคุเทศน์ นำทาง พร้อมด้วยลูกหาบอีก 2 คน

บ้านแม่ตอนหลวง

พี่จำลองเป็นผู้ขับรถไปส่งเราที่ บ้านแม่ตอนหลวง ซึ่งแยกจากทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 118 (เชียงใหม่ – เชียงราย) บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 27 ความตื่นเต้น เริ่มต้นตั้งแต่ออกเดินทาง เมื่อพี่จำลอง พาเราเลี้ยวเข้าสู่ทางเข้า บ้านแม่ตอนหลวง เป็นเส้นทางคดโค้งไปตามแนวสันเขา ตลอดสองข้างทางเรียงรายไปด้วยบ้านเรือนที่แลดูสงบร่มเย็น เมื่อถึงบ้านแม่ตอนหลวง เราแวะที่ร้านค้าเล็กๆ ในหมู่บ้าน เพื่อจัดเตรียมข้าวของให้พร้อม จากนั้นรถของพี่จำลองก็พาเราบุกบั้นเข้าไปตามทาง ที่ไม่คิดว่าจะเป็นเส้นทางรถ ผ่านไร่กาแฟของชาวบ้าน เข้าไปจน รถไม่สามารถจะวิ่งต่อไปได้อีก เป็นอันถึงที่จุดเริ่มต้นการเดินทางอย่างแท้จริง

กล้วยไม้ป่า เกาะอยู่บนคบไม้มากมาย

กล้วยไม้ป่า

ก่อนออกเดินทาง พี่จำลองชี้ให้ดูต้นไม้ชนิดหนึ่ง ชาวบ้านเรียกว่า “หนาน” เป็นไม้มีพิษ ที่ใบเต็มไปด้วยหนาม ถ้าโดนเข้า ก็ถึงกับปวดแสบปวดร้อนทีเดียว พร้อมกับให้ลูกหาบตัดไม้ไผ่ขนาดเหมาะมือให้ไว้ ใช้ในการเดินทาง โชคดี อีก 2 วันเจอกัน เราโบกมือให้กับพี่จำลอง และเริ่มเดินตาม “นิต” ไปตามเส้นทางเล็กๆ

เส้นทางในช่วงแรกเป็นที่ราบสลับกับภูเขาสูงชัน ระหว่างสองข้างทางที่เดินไป เต็มไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ ใครที่ชอบเฟิน จะได้พบกับเฟินหลากชนิดมากมายที่นี่ เดินขึ้นไปได้สักพักอากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ มองเห็นบ้านแม่ตอนหลวง ไกลออกไปทุกที เทือกเขาสลับซับซ้อนเรียงรายอยู่ตรงหน้า สภาพป่าช่วงนี้จะเริ่มเปลี่ยนเป็นป่าดิบเขา มองขึ้นไปบนคบไม้ จะเห็นกล้วยไม้ป่า เกาะอยู่บนคบไม้มากมาย ได้ยินเสียงเสียงนกและแมลงต่างๆ ร้องขับกล่อมบรรเลงไปตลอดเส้นทาง เราเดินๆ หยุดๆ เหนื่อยก็พัก ถ่ายรูปบ้าง สายตาก็สอดส่องชื่นชมความงามธรรมชาติ ไปตลอด โดยไม่รู้สึกเบื่อ แม้ว่าการเดินทางจะสร้างความเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า ไปบ้าง

สำหรับการเดินในวันนี้ จะไปสิ้นสุดที่“ดอยลังกาน้อย“ซึ่งมีสภาพเป็นเขาหัวโล้น เราจะพักแรมกัน ตรงจุดที่ห่างจากยอดดอยไปประมาณ 200 เมตร บริเวณนี้อยู่ใกล้แหล่งน้ำมากที่สุด เป็นบ่อน้ำซับที่ไหลออกมาจากพื้นดิน ในช่วงที่น้ำมาก จะมีน้ำไหลเอื่อยๆ เป็นลำธารเล็ก ตั้งแต่เดือนธันวาคมเป็นต้นไป น้ำจะน้อยเป็นน้ำขัง น้ำซับใสสะอาด แต่ถ้าจะนำมาดื่ม ควรนำไปต้มให้สุกก่อน ส่วนจุดชมพระอาทิตย์ตกดิน และทัศนียภาพโดยรอบ ต้องเดินขึ้นไปชมบนยอดลังกาน้อย เนื่องจากมีสภาพเป็นเขาหัวโล้น จุดพักแรมดอยลังกาน้อย จึงมีสภาพเป็นทุ่งหญ้าโล่งปราศจากต้นไม้ใหญ่ ไม่มีต้นไม้ใหญ่กำบังลม ลมพัดมาจากทุกสารทิศ ในฤดูหนาวอากาศค่อนข้างหนาวจัด ผู้ที่จะมาพักแรมในช่วงนี้ ต้องเตรียมอุปกรณ์ป้องกันความหนาวมาให้พร้อม

ดอยลังกาน้อย

ไฮไลท์ของการเดินทาง ช่วงจากบ้านแม่ตอนหลวง ไปจนถึง ดอยลังกาน้อย อยู่ที่เส้นทางก่อนจะขึ้นสู่ดอยลังกาน้อย ค่อนข้างอันตรายมาก เป็นหน้าผาหิน สูงชัน มีเพียงก้อนหินที่ถูกกัดเซาะเป็นร่องโดยแรงลมและฝีมือมนุษย์ พอให้เป็นที่ยึดเกาะและปีนป่าย “นิต” มัคคุเทศก์ เดินนำ พาเราไต่หน้าผา อย่างคล่องแคล่ว เราค่อยๆ ไต่ตาม ขึ้นไปทีละก้าว ทีละก้าว ลมหนาวเย็นพัดมาปะทะที่ใบหน้าและลำตัวเป็นระยะๆ ตอนแรกก็ไม่รู้สึกอะไร เพราะมัวแต่มองตาม คนนำทาง แต่พอหันหลังกลับไปดูคนที่กำลังตามมา เท่านั้นแหล่ะ ความรู้สึกเหมือนจะเป็นลมเสียให้ได้ เบื้องล่าง เป็นหุบเขาลึก เราอยู่บนยอดเขาที่มีแต่หินให้ยึดเกาะ ถ้าตกลงไปไม่ต้องพูดถึง แต่ด้วยความกลัว ทำให้มือและขาทั้งสองข้างทำงานประสานกันเป็นอย่างดี ค่อยๆ ก้าวทีละก้าวด้วยความระมัดระวัง และก็ผ่านจุดที่เสียวที่สุดมาได้ ใบหน้าที่ซีดเซียวเริ่มมีสีเลือดฝาดขึ้นมา พร้อมกับถามตัวเองอีกครั้งว่า ผ่านขึ้นมาได้อย่างไร