ปักธง!! "ดอยอินทนนท์ ตอนที่ 1" - สักการะ พระธาตุ ดอยสุเทพ กราบไหว้ ครูบาศรีวิชัย มุ่งสู่ ดอยอินทนนท์

แบกเป้ ลุยเหนือ เที่ยวสนุกๆครั้งนี้ เป็นการวางแผน มาเกือบหลายเดือน ทั้งการเดินทาง ที่พัก อาหารการกิน และที่สำคัญค่าใช้จ่าย ที่ทีมงานไทยเซส วางแผนค่อนข้างรัดกุม และรอบคอบอย่างยิ่ง เพราะไปเที่ยวครั้งนี้ ต้องการเก็บข้อมูลมาให้ได้มากที่สุด ด้วยงบอันน้อยนิด

บรรยากาศภายในรถทัวร์

คนขับรถ..ไม่ค่อยเล่นกล้องเลย

มองเวลา.. ถึงเชียงใหม่ก็ 5.55

ล้อหมุน!! เกือบ 4 ทุ่ม ที่ท่าหมอชิต รถทัวร์ ปรับอากาศพิเศษ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก ที่ทีมงานมองไว้เราฟันธง ผูกชีวิตไว้กับ บริษัทรถทัวร์แห่งหนึ่ง ด้วยความโชคดี ซึ่งรถเขาดีจริงๆ ตกแต่งภายใน เบาะปรับเอนนอนได้สะดวก มีน้ำ มีอาหารพร้อม ดูสะอาดสะอ้าน ดีกว่าที่คิดไว้เยอะ

ไม่รู้ว่าหลับไปตอนไหน แต่พอรู้สึกตัวอีกที อ้าวว... นี่มันท่ารถเชียงใหม่แล้วนี่หว่าาา ... เหลือบไป มองดู นาฬิกาบนรถ 5.54 น. รออีกนาทีเดียวก็ไม่ได้ จะได้ฮากันกระจาย เพราะ 5.55 น... บริเวณที่ท่ารถเชียงใหม่ ค่อนข้างเก่าไปสักหน่อยครับ คงเพราะสภาพการใช้งาน อย่างสมบุกสมบัน ทำให้ที่แห่งนี้ไม่ค่อยได้ปรับปรุงสักเท่าไหร่.

(tip trip: อย่าลืมซื้อตั๋วเดินทางกลับไปด้วยน่ะครับ ขากลับจะได้ไม่ต้องรีบ)

ตั้งใจลุย ดอยสุเทพ เกือบ 6 โมงเช้า แต่ขอโทษเถอะครับเช้าๆแบบนี้ยังไม่มีรถขึ้นไปบริเวณหน้า มช.(มหาวิทยาลัยเชียงใหม่) เลยลัดเลาะไปหาอะไรกินรองท้องก่อน พอ วกกลับมารอที่หน้า มช.เหมือนเดิมรถยังก็ไม่มีขึ้นไปอีก เพราะว่าต้องรอคนครบก่อนถึงจะ ขึ้นได้ มองๆ กวาดสายตา คนในรถก็หร่อมแหร่ม จริงๆ 1 - 2 คนได้ ท่าจะไม่ดี ถ้าจะรอต่อไปคงจะหลาย ชั่วโมงแน่ๆ เลย ทีมงานมองหน้ากันแล้วลงความเห็น เป็นเสียงเอกฉันท์ กับประโยค ฮิตติดปาก ว่า .. "เหมาดีกว่า "

ก่อนที่จะพาขึ้น วัดพระธาตุดอยสุเทพ ขอเล่าความเป็นมาสักนิด

ดอยสุเทพ เดิมมีชื่อเรียก 2 ชื่อ อุสุจบรรพต หรือ ดอยอ้อยช้าง กับ ดอยกาละ ส่วนชื่อ ดอยสุเทพ นั้นมาจาก ชื่อฤาษีสุเทวฤาษี หรือ ฤาษีวาสุเทพ ที่มาบำเพ็ญพรตอยู่ วัดพระธาตุดอยสุเทพ เป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้ากือนา แห่งราชวงศ์มังราย และได้อาราธนาพระสุมนเถระมาจากเมืองสุโขทัย พระสุมนเถระมีพระบรมสารีริกธาตุองค์หนึ่งที่ขุดได้จากเจดีย์ร้างเมืองศรีสัชนาลัย ซึ่งมีขนาดเท่าเม็ดถั่วเขียวเป็นสีทองจึงนำมาถวายพญากือนาได้กระทำสักการะบูชาและสรงด้วยน้ำหอม

พระธาตุดอยสุเทพ

พระธาตุดอยสุเทพ ยังสวยเหมือนเดิม

พญากือนาโปรดให้อัญเชิญผอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุขึ้นช้างชัยมงคล พอไปถึง ดอยสุเทพ พระองค์รับส่งให้ขุดดอยลึก 3 ศอก ให้ทำหีบหินใหญ่บรรจุไว้ในหิน อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุไว้ในหีบ ถมด้วยศิลา แล้วจึ่งก่อเจดีย์สูง 5 วา ครอบไว้ แต่เป็นวัดที่ไม่มีพระภิกษุจำพรรษาแบบพุทธาวาส ประมาณปี พ.ศ. 2081-2100 พระญาณมงคลโพธิเถระจากลำพูน มาอยู่ดูแลรักษาพระบรมธาตุพร้อมกับสานุศิษย์ ท่านได้ช่วยกันทำบันไดจากฐานขึ้นไปถึงองค์พระบรมธาตุเป็นบันไดหิน ต่อมาได้สร้างก่ออิฐโบกปูนเป็นบันไดนาค

สมัยพระเจ้ากาวิละได้โปรดให้บูรณะปฏิสังขรณ์พระบรมธาตุในปี พ.ศ. 2348 สร้างวิหาร 2 หลัง ทางด้านตะวันตกและตะวันออกของพระบรมธาตุ สร้างฉัตรโลหะปักไว้ที่มุมและสร้างรั้วหลักล้อมรอบองค์พระธาตุ ต่อมาในปี พ.ศ. 2438 ครูบาศรีวิชัยและประชาชนได้ช่วยกันสร้างถนนจากเชิงดอยสุเทพขึ้นไปจนถึงพระธาตุดอยสุเทพได้สำเร็จ ทำให้สะดวกต่อผู้คนที่ขึ้นไปนมัสการ

ดอยสุเทพ

อีกมุม..บนดอยสุเทพ

ขึ้นไปสูดอากาศที่ พระธาตุดอยสุเทพ ยังสวยเหมือนเดิมครับ แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือนักท่องเที่ยว ที่มองไป มองมา เห็นแต่หัวทองๆ ทั้งนั้น

ว่ากันว่ามี ดอกงวงช้างที่ 30 ปี จะออกครั้งหนึ่งด้วย เห็นแล้วยังประทับใจไม่หายเลยครับ

บันไดพญานาค

บันไดพญานาค นำทางสู่พระธาตุ

ประตูเงินประตูทอง

ประตูเงินประตูทอง

ต้นดอกงวงช้าง

ต้นดอกงวงช้าง 30 ปี ออกดอกหนึ่งหน

กลับลงมาแวะไหว้ ครูบาศรีวิชัย เพื่อความเป็นสิริมงคล ในการเดินทาง พอดีเหลือบไปเห็น ป้ายไป น้ำตกห้วยแก้ว ทีมงานแบกเป้ + พร้อมอุปกรณ์ อันแสนหนัก เดินลัดเลาะ เข้าไปเกือบ 200 ม.ได้ครับ ได้ยินเสียงน้ำตก ไหลเบาๆ เข้าไปถึง มองดูแล้ว จัดได้เป็นระเบียบเรียบร้อยดี แต่ เหมือนมนุษย์จงใจจัดสรรปั้นแต่งมากเกินไปหรือไม่ ไม่ทราบได้ แต่ถ้าใครอยากมานั่งพัก ให้หายเหนื่อยก็ยังพอไหว

พอตกบ่าย ใจมันเต้นตึ๊กๆ เหมือนจะเดินทางไกล ของลูกเสือยังไง ยังงั้น.. ก็เพราะว่า เราต้องเตรียมเสบียง เตรียมอาหาร เตรียมหยูกยาให้พร้อม เห็นว่า ของบนดอยอินทนนท์แพง โคตรๆ ก็เลยซัดของที่เซเว่นจนตุง เป้ ...

ท่าจอดรถไป อ. จอมทอง อยู่ในบริเวณตลาดประตูเมืองเชียงใหม่รถเมล์โดยสารเชียงใหม่-จอมทอง ดอยเต่า นั่นแหละครับมองเห็นง่าย คนไม่เยอะ แต่ อากาศ ในรถ อบ ร้อนได้ใจ จริงๆ ครับ เหมือน เข้าห้องซาวน่า ในฟิตเนส เลยทีเดียว

ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทย

ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทย

น้ำตกห้วยแก้ว

น้ำตกห้วยแก้ว

เกือบ บ่าย 3 ครับ ไปถึงอ.จอมทอง แหงนหน้ามอง เห็น ดอยอินทนนท์ อยู่ใกล้ๆ เห็นแล้ว ฮึด.. มีกำลังใจขึ้นอีกรอบ ว่า จะสักขนาดไหนกันแน่ พอลงรถ ทีมงาน มองหา รถเมล์ ที่จะขึ้น ดอยอินทนนท์ ว่าอยู่ที่ไหน จนเแล้ว จนรอด เหมือนเดิมครับ มีแต่น้อยมากๆๆ รอนานเป็น ชม. สอบถามคนแถวนั้น เค้าบอกว่า นานๆ ช่วงเทศกาลทีจึงจะมีวิ่งคึกคัก ทีมงานจึงใช้ประโยคคลาสสิคอีกครั้ง ว่า " เหมาดีกว่า"อีกแล้วครับท่าน สนนราคาก็หลายร้อยอยู่เหมือนกันครับ

ขึ้นมาถึงประมาณ 4- 5 โมงเย็น รถจะมาจอดที่ อุทยาน ดอยอินทนนท์ อากาศมันช่าง แตกต่างจากข้างล่างลิบลับครับ เย็นจนจับความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงได้เลย เริ่มคุยเป็นไอแล้ว เต้นท์ทีมงาน เตรียมไปแต่ไม่พอเพราะว่า ทั้งเสบียง ทั้งอุปกรณ์ หลายอย่างอยู่ เลยมาหาเช่าที่อุทยานเอา สนนราคาก็ไม่แพงครับ ไม่กี่ร้อย อันนี้รู้สึกว่า รวม เบาะนอน ผ้าหม่ ด้วย

เดินไปเดินมา หาที่กางเต็นท์ แถว ป่าสน ตอนนั้นคนยังไม่เยอะ แต่ยิ่งตกเย็น ยิ่งเยอะ ไม่รู้มาจากไหนกันให้พรึ่บพรับ ทั้งครอบครัว ทั้งคู่หนุ่ม-สาว และที่สำคัญมีมาเป็นคณะฉึ่งฉับทัวร์ ประมาณว่า สามช่า โป้งๆ ฉึ่งทำนองนี้ก็มีครับ

ที่กางเต็นท์ ดอยอินทนนท์

หน้าเต๊นท์..แบบอันเซ็นเซ่อร์

สวนสน ดอยอินทนนท์

บริเวณรอบๆ ป่าสนที่กางเต๊นท์

แป๊ปเดียว.. มืดแล้ว

เต็นท์ที่ทีมงานเช่ามา กว้างใหญ่ สบาย แต่สภาพก็ต้องทำใจน่ะครับ ไม่เหมือนของใหม่ เลยทีเดียว ท่าทางจะผ่านสมรภูมิรบมาพอควร แต่เอาน่าา.. จะเอาไรมาก แค่นี้ก็หรูแล้ว บนดอย. .